ในระยะแรก ดนตรีมีเพียงเสียงเดียวและแนวเดียวเท่านั้นเรียกว่า
Melody ไม่มีการประสานเสียง จนถึงศตวรรษที่ ๑๒ มนุษย์เราเริ่มรู้จักการใช้เสียงต่างๆมาประสานกันอย่างง่ายๆ
เกิดเป็นดนตรีหลายเสียงขึ้นมาการศึกษาวิชาประวัติดนตรีตะวันตกหลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวเหลือเกิน
และมักมีคำถามเสมอว่าจะศึกษาไปทำไมคำตอบก็คือ
ดนตรีตะวันตกเป็นรากเหง้าของดนตรีที่เราได้ยินได้ฟังกันทุกวันนี้
ความเป็นมาของดนตรีหรือประวัติศาสตร์ดนตรีนั้นหมายถึงการมองย้อนหลังไปใน
อดีตเพื่อพยายามทำความเข้าใจกับแง่มุมต่าง ๆ
ของอดีตในแต่ละสมัยนับเวลาย้อนกลับไปเป็นเวลาหลายพันปีจากสภาพสังคมที่แวด
ล้อมทัศนะคติและรสนิยมของผู้สร้างสรรค์และผู้ฟังดนตรีในแต่ละสมัยนั้นแตก
ต่างกันอย่างไรจากการลองผิดลองถูกลองแล้วลองอีกการจินตนาการตามแนวคิดของผู้
ประพันธ์เพลงจนกระทั่งกลั่นกรองออกมาเป็นเพลงให้ผู้คนได้ฟังกันจนถึง ปัจจุบันนี้
การศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หรือการมองย้อนกลับไปในอดีตนั้นนอกจาก
เป็นไปเพื่อความสุขใจในการได้ศึกษาเรียนรู้และรับทราบเรื่องราวของอดีตโดย
ตรงแล้วยังเป็นการศึกษา
เป็นแนวทางเพื่อทำความเข้าใจดนตรีที่เกิดขึ้นและการเปลี่ยนแปลงในแง่ของ
ดนตรีในปัจจุบันและเพื่อนำมาใช้ในการทำนายหรือคาดเดาถึงแนวโน้มของดนตรีใน
อนาคตด้วย กล่าวถึงประวัติดนตรีตะวันตกซึ่งแบ่งออกเป็นสมัยต่าง ๆ ได้ ๙ สมัย
ดังนี้
๑.
สมัยกรีก (Ancient Greek music)
๒.
สมัยโรมัน (Roman)
๓.
สมัยกลาง (The Middle Ages)
๔.
สมัยรีเนซองส์ (The Renaissance)
๕.
สมัยบาโรก (The Baroque Age)
๖.
สมัยคลาสสิก (The Classical Period)
๗.
สมัยโรแมนติก (The Romantic Period)
๘.
สมัยอิมเพรชชั่นนิสติค (The Impressionistic)
๙. สมัยศตวรรษที่
๒๐ และปัจจุบัน (The Twentieth century)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น